Pages

Tuesday, March 30, 2010

มุมมองคนไทยส่วนตัวผ่านสื่อออนไลน์

ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้เพื่อนๆตามข่าวการเมืองจากแหล่งไหนกันบ้าง แต่ผมแน่ใจว่าคงมีคนไทยน้อยมากๆที่ไม่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองเลย เหตุการณ์บ้านเมืองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านนั้นเรียกได้ว่าร้อนระอุไม่ได้ว่างเว้น มีม็อบเกิดขึ้นหลากหลายสี (น้องสาวผมเรียก "ประท้วงเรนโบว์" -*-) แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากภาพความขัดแย้งที่ปรากฎในข่าวนั้นคือแนวความคิดของคนไทยที่แตกแยกเป็นชิ้นๆอย่างที่ผมนึกไม่ออกว่าจะมีวันกลับมาเป็นดังเดิมได้หรือไม่?

ในฐานะที่ผมเป็นคนชอบอ่านข่าว และแหล่งข่าวที่ติดตามส่วนมากก็จะผ่านเว็บข่าวทางอินเตอร์เน็ต บล็อก หรือทวิตเตอร์ ทำให้ผมรับทราบถึงจิตใจคนไทยพอสมควรจากการอ่าน "ความคิดเห็น" ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเปิดเผยจากความเสรีบนโลกไซเบอร์ ผมพบว่า....
  1. คนไทยบางส่วนนั้นเก็บกด อาจะเป็นเพราะวัฒนธรรมของเราที่สอนให้คนเอา "น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก" ทำให้เวลามีที่ระบายอย่างอินเตอร์เน็ตนั้น ข้อความหรือความรู้สึกที่ถูกระบายออกมาค่อนข้างน่ากลัวมาก
  2.  คนไทยบางส่วนใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา และไม่มีเหตุผล ความเห็นในเว็บข่าวจำนวนไม่น้อยที่คนส่วนหนึ่งซึ่งได้ "เลือกข้าง" แล้ว มีความเชื่อหัวปักหัวปำ แถมยังไม่ฟังความเห็นของฝ่ายตรงข้าม ในขณะเดียวกันยกหางข้างตัวเองราวกับเป็นเทพมาจุติ
  3. และคนไทยอีกบางส่วนที่ปรารถนาให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นถึงแก่กรรม ราวกับคิดว่านั้นจะเป็นหนทางที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตย 
  4. คนไทยอีกไม่น้อยที่ไม่เห็นศักดิ์ศรีของฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับตน ใครก็ตามที่ follow ผมบนทวิตเตอร์หรือเฟซบุ้ค จะเห็นผมขึ้นข้อความลักษณะนี้บ่อย เพราะบางทีผมอ่านข้อคิดเห็นเหล่านั้นและทนไม่ได้จริงๆ ทำไมคุณถึงคิดว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นด้อยกว่า? มีความเป็นมนุษย์น้อยกว่า? เพราะหากคนไทยเหล่านี้ยังคิดเช่นนี้ ประชาธิปไตยจะไม่มีวันเกิดได้ในประเทศไทย เพราะพื้นฐานของประชาธิปไตยคือความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่จะเสนอข้อคิดเห็น และเรียกร้องในสิทธิของบุคคลๆหนึ่ง 
ผมอยากเน้นที่ข้อ 3 และ 4 มากเพราะเป็นข้อความที่ถ้าหากเพื่อนๆได้เข้าไปอ่านตามเว็บข่าวหรือเว็บบอร์ดการเมือง คงได้เห็นผ่านตามาเป็นแน่ ผมอยากให้คนไทยแสดงออกทางความคิดด้วยเหตุผล ด้วยภาษาที่สุภาพ ด้วยกิริยาที่เหมาะสม ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและ "โลกเสมือน" แห่งนี้ หลายคนในเฟซบุ้คผมเห็นเปลี่ยนรูปหรือเข้าร่วมกลุ่มแสวงหาสันติภาพในประเทศไทย แต่สันติภาพนั้นจะเกิดได้อย่างไรในเมื่อหลายๆคนไปเรียกฝ่ายตรงข้ามกับตนราวกับสัตว์ ไร้การศึกษา หรือเดนมนุษย์ เมื่อคุณเชื่อว่าคนกลุ่มนั้นเป็นไปตามนั้น ก็เท่ากับคุณปิดหูปิดตาตัวเอง ไม่รับรู้รับฟังความเห็นใดๆที่ถูกเสนอมาทั้งสิ้นทั้งปวง ผมถามหน่อยว่ามันถูกแล้วหรือ? การแช่งชักหักกระดูกก็มีให้เห็นมากมายตามเว็บไซต์เหล่านี้เช่นกัน จริงอยู่ว่ามันเป็นเสรีภาพของท่านๆในการที่จะแสดงความคิดเห็นบนอินเตอร์เน็ต แต่ผมก็เชื่อว่าเพราะเป้นอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละทุกคนจริงใส่ได้ไม่มียั้ง ข้อความที่ออกมาจากจิตใจที่ปรารถนาให้อีกฝ่ายนั้นถึงแก่ความตาย สำหรับผมแล้วมันช่างแรงกล้าที่จะพุดออกมาตรงๆ (แม้จะผ่านอินเตอร์เน็ตก็ตาม)

ผมไม่อยากให้คนไทยต้องกระมิดกระเมี้ยน เก็บความเห็นทางการเมืองไว้ในใจไม่กล้าพูดใส่กัน (เพราะกลัวจะมีเรื่อง) ดังนั้น หากทั้งสองฝ่ายพูดจากันด้วยเหตุผล ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ที่บริสุทธิ์ และให้เกียรติผู้อื่นเสมอตัวเอง ผมว่าวันนั้นเองที่ประชาธิปไตยจะเบ่งบาน

ผมเขียนจากสิ่งที่ผมได้พบเจอจากการอ่านข่าวจากแหล่งต่างๆเท่านั้น ทุกสิ่งที่ผมเขียนเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นหากใครมีข้อโต้แย้งหรือสนับสนุนที่มีเหตุผล ก็สามารถเพิ่มเติมได้ครับ

3 comments:

akedemo said...

ผมขอตอบด้วยการเขียนโต้ไว้ในบล็อกของตัวเองนะครับ คือ เขียนออกมาแล้วมันยาวมากใส่ที่นี่ไม่พอ

http://akedemo.blogspot.com/2010/03/blog-post.html

(ไผ่เอ๋ย ทำใจก่อนอ่านนะ อ่านจบสงสัยมึงได้โกรธกูแน่)

akedemo said...

ดีแล้วหละที่จะไม่ต้องมาตีกันเองด้วยเรื่องนี้ ขอบคุณนะครับที่เข้าใจและยอมรับในความเห็น

ถึงจุดนี้ผมก็พูดได้ว่าพอเข้าใจสำหรับความเห็นและความหวังดีของไผ่นะ เข้าใจความรู้สึกถึงของคนที่ต้องการความเป็นกลางอย่างสงบด้วย (เพราะเคยเป้นมาก่อน) แต่ผมก็ต้องการแสดงถึงจุดยืนตามหลักการด้วย

ผม ไม่ได้เข้าไปในเว็บของพวกเสื้อเหลืองมากนัก (เคยเข้าไปบ้างสำหรับกรณีที่น่าสนใจจริงๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์) แต่ก็พอทราบดีว่าที่นั่นไร้เหตุผลและบกพร่องในทางตรรกะกันขนาดไหน อย่าว่าแต่เว็บผู้จัดการเลย ในเว็บของเสื้อแดง เช่น ประชาไทเว็บบอร์ด ก็มีการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามในลักษณะรุนแรงหยาบคายเช่นเดียวกัน เพียงแต่น้อยกว่ากันมากและโดยมากจะเป็นไปในทางตอบโต้การยั่วยุมากกว่าจะเป็น การหาเรื่อง (นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมเลือกไปทางเสื้อแดงดีกว่า :-P) แต่สิ่งทีผมเห็นว่าต้องใส่ใจมากกว่าลักษณะการพูดและการแสดงออกแบบนั้น ก็คือ เหตุผลพื้นฐานของอารมณ์เช่นนั้นต่างหาก

เหตุใดทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลืองเสื้อขาวถึงได้โจมตีและแตกแยกในทางความคิดกันได้ขนาดนี้? กรอบความคิดของฝ่ายไหนกันแน่ที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักการความเป็นจริง?

ป.ล. ไม่โกรธกันก็ดีแล้ว เพราะผมเองก็ชอบการแลกเปลี่ยนความคิดกันโดยอิสระเช่นกัน และในที่ที่ผมยืนก็มิได้ปฏิเสธความคิดเห็นที่ต่างจากตนเองเว้นแต่ว่า สาระของความคิดนั้นจะขัดแย้งกับหลักการสากลแบบผิดเพี้ยนจนรับไม่ได้

akedemo said...

--? เวร เพิ่งเห็นข้างบนใส่ลิงค์ไปผิดที่นี่หว่า
ที่ถูกต้องเป็นอันนี้

http://akedemo.blogspot.com/2010/03/blog-post_30.html