Pages

Thursday, November 27, 2008

เมื่อประเทศไทยตกเป็นตัวประกันของโจรเสื้อเหลือง-เสื้อแดง


เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ประเทศไทยของเรา เกิดปัญหาขึ้นโดนเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเนื่องมาจากเกมส์ครองใจมวลชนระหว่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พปช.) และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเกมส์ๆนี้เกิดขึ้นมาเป็นเวลาไม่น้อยสืบเนื่องจากการแบ่งแยกระหว่างคนไทยสองกลุ่มที่เอา-ไม่เอาทักษิณ ชิณว้ตร อดีตนายกรัฐมนตรี




ในฐานะคนกลาง (จริงๆ) ผมขอยอมรับอย่างหนึ่งว่าเคยชื่นชมในอดีตนายกฯทักษิณ เนื่องจากเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่เคยมีมาในอดีต ถึงจะทำได้ไม่หมด แต่ก็นับว่ามีผลงานไม่น้อย แต่มาในเวลานี้ ทักษิณ ชิณวัตร กลับไร้แผ่นดินอยู่ แม้มีเงินมากมายก็ไม่สามารถกลับบ้านเกิดเมืองนอนได้ ผมจะไม่ลงรายละเอียดว่าทักษิณโกง-ไม่โกงอย่างไร เพราะเรื่องนี้ถือว่าต่างฝ่ายต่างพูด ส่วนตัวผมเชื่อในการตัดสินของศาล แต่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งไม่ขอพูดถึง


วันนี้ (26 พ.ย. 2551) ผมรู้สึกทึ่งกับความสามารถของแกนนำพปช.มาก ผมไม่เข้าใจว่าคนแค่ไม่กี่คน สามารถ “ล้างสมอง” คนจำนวนเรือนแสนได้อย่างไร ที่สำคัญ พวกเขายังสามารถทำให้ปชระชาชนเหล่านั้น ลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เห็นผิดเป็นชอบได้ทั้งหมดอย่างไร ที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่เพราะผมเข้าข้างรัฐบาลหรือนปช. แต่ผมคิดตามหลักเหตุผลเอาว่า การยึดสนามบิน ตัดน้ำ-ไฟฟ้าของสถานที่ราชการ บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ไม่ใช่การกระทำของคนที่เป็น “อารยะ” อย่างที่พปช.พยายามพูดเข้าข้างตัวเอง สิ่งที่พวกเขาทำคือการเอามีดจี้คอประเทศไทยและประชาชนคนไทยเพื่อขอความชอบธรรม ที่สำคัญคือ เมื่อตำรวจจะเข้าไปปราบปรามผู้ชุมนุม กลับด่าตำรวจเลวสารพัด ทั้งๆที่ตัวเองทำผิดกฎหมายอยู่แท้ๆ จริงอยู่ว่ามีเรื่องของระเบิดและการตายบ้าง ซึ่งถ้าตำรวจเป็นคนทำจริงๆก็ผิดจริง แต่พปช.เองก็มีการใช้กำลังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องคิดบ้างว่าต่างฝ่ายต่างก็ใช้กำลัง จะเอาอะไรอีก


ที่สำคัญคือ สิ่งที่พปช.พยายามนำเสนอ “การเมืองใหม่” นั้น ผมมองว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงๆ ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่พปช.ปฏิเสธนั้น แท้จริงไม่ได้เลวร้าย หากแต่คนที่อยู่ในระบบนั้นต่างหากที่แย่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ที่พปช.ควรทำ ไม่ใช่ทำลายระบอบการเมืองไทย แต่เป็นการให้ความรู้การประชาชนเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นผลเสียเกี่ยวกับการซื้อเสียง การตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล


ผมอาจจะเขียนว่าพปช.เยอะ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เห็นด้วยกับฝ่ายใด เพราะฝ่ายนปช.เองก็มีทั้งการใช้กำลัง รวมถึงท่าทีแข็งกร้าวที่แสดงต่ออีกฝ่าย ซึ่งล้วนแต่แย่พอกัน ประชาธิปไตยนั้นยืนอยู่บนพื้นฐานของความแตกต่าง แต่ต้องไม่นำมาซึ่งความแตกแยก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้สนธิขึ้นเป็นนายก ก็จะมีคนมาทำแบบเดียวกับที่คุณเคยทำอยู่ดี เพราะทั้งสองฝ่ายไม่พยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และไม่ได้มองผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หากแต่มองแค่คำว่า “ชัยชนะ” เท่านั้นไม่ว่าใครจะชนะ ประเทศไทยก็กำลังแพ้และกำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เพื่อนบ้านเราล้วนแต่หาโอกาสที่จะจ้องทำลายประเทศเรา (อย่างน้อยๆก็กัมพูชา) นี่ยังไม่นับกับการที่เรากำลังสูญเสียความน่าเชื่อถือในเวทีโลกทั้งการฑูตและการค้า

จุดจบของเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายต้องรับผิดชอบ

No comments: