tag:blogger.com,1999:blog-37864307842766246202024-02-07T11:30:34.499+07:00Pai's journalIdeas and Thoughts I'd like to sharePaihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.comBlogger9125tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-44663968545444815602010-06-19T02:52:00.001+07:002010-06-19T03:02:01.517+07:00แย้งประเด็น “สนธิ ลิ้มทองกุลพูดถึงเรื่องยึดดาวเทียม”<p>เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 53, 23:29 น.) ทาง <a href="http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000084393" target="_blank">ASTV ผู้จัดการออนไลน์</a> ได้เสนอข้อข่าวจากบทสัมภาษณ์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย (พธม.) โดยมีหัวข้อข่าวว่า <strong>"สนธิ"เสนอรัฐงัดข้อหา"หนุนก่อการร้าย"บีบเทมาเส็กคืน"ไทยคม"</strong> ซึ่งโดยเนื้อหากล่าวโดยสรุปคือนายสนธิเสนอให้รัฐยกเลิกสัมปทานโครงการดาวเทียมไทยคม และยึดดาวเทียมคืนจากเทมาเส็กโดยไม่ต้องเสียเงิน ผมจะไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องยึดคืนหรือไม่ยึดคืน หรือจะซื้อดาวเทียมคืน เพราะไม่มีความรู้ทางด้านนี้ แต่ที่ผมจะนำเสนอคือผมว่านายสนธิกำลังโกหกชาวพธม.และคนไทยอยู่ จากข้อความดังต่อไปนี้</p> <p><a href="http://lh6.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/TBvOjoCYhVI/AAAAAAAAEAs/3bcCGYNrmI8/s1600-h/image%5B9%5D.png"><img style="border-right-width: 0px; display: inline; border-top-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px" title="image" border="0" alt="image" src="http://lh3.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/TBvOkpsdi_I/AAAAAAAAEAw/jyrMo3W8UrA/image_thumb%5B4%5D.png?imgmax=800" width="471" height="132" /></a> <img style="border-right-width: 0px; display: inline; border-top-width: 0px; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px" title="image" border="0" alt="image" src="http://lh6.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/TBvOlxsDiPI/AAAAAAAAEA0/A952UM-eBvs/image%5B15%5D.png?imgmax=800" width="472" height="197" /> </p> <p>ก่อนอื่นผมขอออกตัวว่า<strong>ไม่ได้ทำงานในสายโทรคมนาคมแต่อย่างใด สิ่งที่ผมเขียนอาจจะผิดก็ได้ ผมแค่เอาหลักฐานที่หาเจอจากอินเทอร์เน็ตมาเทียบให้ดูว่าคำพูดนายสนธิเป็นจริงหรือไม่</strong> ผมจะแยกประเด็นที่จะแย้งเป็น 2 ข้อ ดังนี้</p> <ol> <li>ชื่อของดาวเทียม นายสนธิพยายามชี้แจงว่าดาวเทียมไอพีสตาร์กับดาวเทียมไทยคม 4 นั้นเป็นคนละดวงกัน ซึ่งไอพีสตาร์นั้นถูกยิงขึ้นไปเพื่อ “เลี่ยง” การไม่ยิงดาวเทียมไทยคม 4 แต่จากแหล่งข้อมูลทั้งของ <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/IPSTAR" target="_blank">วิกิพีเดีย</a>,และ <a href="http://www.ipstar.com/th/about.htm" target="_blank">เว็บดาวเทียมไอพีสตาร์</a> จะพบว่าดาวเทียมไอพีสตาร์นั้นก็คือไทยคม 4 นั้นเอง (ผมเข้าใจเอาเองว่าไม่เรียกไทยคม 4 เพราะไอพีสตาร์นั้นเป็นดาวเทียมสำหรับอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงโดยเฉพาะ ต่างจากไทยคม 1, 2, 3 และ 5 ซึ่งเป็นดาวเทียมที่ใช้งานในการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์) </li> <li>ตำแหน่งของดาวเทียม นายสนธิบอกว่าวงโคจรดาวเทียมของไทยอยู่ที่ตำแหน่ง <a href="http://maps.google.com/maps?ll=0,120&spn=0.1,0.1&t=h&q=0,120" target="_blank">50.5 องศาตะวันออก</a> (ซึ่งตำแหน่งนี้เคยถูกใช้โดย<a href="http://www.thaicom.net/eng/satellite_thaicom3.aspx" target="_blank">ดาวเทียมไทยคม 3</a>) แถมอ้างว่าไอพีสตาร์ซึ่งไม่ได้อยู่ในวงโคจรนี้เป็น “ดาวเทียมเถื่อน” ขอโทษนะครับ ดาวเทียมนะครับไม่ใช่หนังโป๊ จะได้ส่งขึ้นมั่วๆได้ ที่สำคัญ ตำแหน่งของไอพีสตาร์ เป็นตำแน่งเดียวกับดาวเทียมไทยคม 1 (หรือจริงๆคือ<a href="http://www.thaicom.net/eng/satellite_thaicom1a.aspx" target="_blank">ดาวเทียมไทยคม 1A</a>) ที่ตำแหน่ง <a href="http://maps.google.com/maps?ll=0,120&spn=0.1,0.1&t=h&q=0,120" target="_blank">120 องศาตะวันออก</a> และมีดาวเทียมอีก 2 ดวงที่ไม่ได้อยู่ในพิกัด <a href="http://maps.google.com/maps?ll=0,120&spn=0.1,0.1&t=h&q=0,120" target="_blank">50.5 องศาตะวันออก</a> ก็คือดาวเทียมไทยคม 2 และไทยคม 5 ซึ่งทั้งสองดวงโคจรอยู่ในตำแหน่ง <a href="http://maps.google.com/maps?ll=0,120&spn=0.1,0.1&t=h&q=0,120" target="_blank">78.5 องศาตะวันออก</a> -- สรุปว่านอกจากดาวเทียมไทยคม 3 ซึ่งปลดระวางไปแล้ว ดาวเทียมทั้ง 4 ดวงที่โคจรอยู่นี่ถือว่าเป็นดาวเทียมเถื่อนใช่ไหม?? </li> </ol> <p>อย่างที่ผมออกตัวไปก่อนหน้านี้ ผมไม่มีความรู้เป็นพิเศษในงานโทรคมนาคม ดังนั้นหากผมผิดก็คงต้องขอโทษคุณสนธิมาไว้ ณ ที่นี้ แต่สิ่งที่คุณนำเสนอผ่านโทรทัศน์ให้คนทั้งประเทศได้รับชมนั้นไม่ถูกต้อง ตามข้อแย้งที่ผมได้เสนอมา</p> <p><strong>ที่ผมเศร้ากว่านั้นคือ พธม.ที่สิงอยู่ในเว็บผู้จัดการออนไลน์นั้น ต่างแสดงความคิดเห็นด่าทอรัฐบาลและอดีตนายกทักษิณกันอย่างสนุกปาก โดยแสดงให้เห็นถึงการเชื่อนายสนธิอย่างหมดใจ</strong> ไม่มีคนคิดจะค้นคว้าหาข้อมูลว่านายสนธิพูดมาอย่างลอยลมนั้นเอามาจากไหน ข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับดาวเทียมผมเชื่อว่าไม่ใช่จะหาได้ง่ายดายนัก เพราะถือเป็นข้อมูลทางธุรกิจ (ยกเว้นพิกัดของดาวเทียมซึ่ง <a href="http://www.itu.int/en/pages/default.aspx" target="_blank">ITU</a> เป็นผู้กำกับดูแล) </p> <p>ผมยังคงยืนยันว่า ไม่ว่าคุณจะถือหางฝ่ายไหน เวลารับฟังข่าว กรุณาตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน ไตร่ตรองด้วยสมอง แล้วค่อยเชื่อมัน ไม่ใช่เอาแต่อารมณ์พาไปนะครับ</p> <p> </p> <p>ศรวิษ เสียงแจ้ว </p> Paihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-2234145323131132022010-05-18T01:00:00.001+07:002010-05-18T01:01:20.230+07:00ขอมอบกลอนนี้ ให้คนไทยทุกคนครับ<div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;">ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ท่องจำได้ขึ้นใจมาช้านาน</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;">คำเพลงขานเก่าไปดั่งวันวาน<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>เมื่อใดผ่านกาฬสมัยใครเล่ารู้</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;">คนเราเกิดมาแล้วก็ตายจาก<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ชาติหาพรากต้องรักษ์ไว้ให้คงอยู่</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;"><span lang="th">อย่าให้ขายขี้หน้าเหล่าวิญญู</span><span lang="en-US">-</span><span lang="th"><span style="mso-spacerun: yes;"> </span></span><span lang="th">ชนสละชีพสู้เพื่อแผ่นดิน</span></div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;">ปรารถนาในวันนี้ของไทยหนึ่ง<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>พันใจตรึงจิตไว้ดั่งสายสิญจน์</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;">ละทิ้งโกรธเกลียดแค้นให้ไหลริน<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ทิ้งให้สิ้นลงสู่ถิ่นแม่คงคา</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;">ประเทศชาติยังต้องการคนพาต่อ<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>อย่าได้ท้อไทยเราช่วยกันเถิดหนา</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;">รวมพลังสร้างชาติวัฒนา<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ปวงประชาได้สงบพบร่มเย็น</div><div lang="en-US" style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;"><br />
</div><div lang="en-US" style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin: 0in;"><br />
</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin-left: 3.0in; margin: 0in;">ศรวิษ เสียงแจ้ว</div><div style="font-family: Tahoma; font-size: 11.0pt; margin-left: 3.0in; margin: 0in;"><span lang="en-US">18 </span><span lang="th">พ.ค. </span><span lang="en-US">2553</span></div>Paihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-15476297462111073522010-03-30T01:51:00.000+07:002010-03-30T01:51:15.850+07:00มุมมองคนไทยส่วนตัวผ่านสื่อออนไลน์ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้เพื่อนๆตามข่าวการเมืองจากแหล่งไหนกันบ้าง แต่ผมแน่ใจว่าคงมีคนไทยน้อยมากๆที่ไม่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองเลย เหตุการณ์บ้านเมืองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านนั้นเรียกได้ว่าร้อนระอุไม่ได้ว่างเว้น มีม็อบเกิดขึ้นหลากหลายสี (น้องสาวผมเรียก "ประท้วงเรนโบว์" -*-) แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากภาพความขัดแย้งที่ปรากฎในข่าวนั้นคือแนวความคิดของคนไทยที่แตกแยกเป็นชิ้นๆอย่างที่ผมนึกไม่ออกว่าจะมีวันกลับมาเป็นดังเดิมได้หรือไม่?<br />
<br />
ในฐานะที่ผมเป็นคนชอบอ่านข่าว และแหล่งข่าวที่ติดตามส่วนมากก็จะผ่านเว็บข่าวทางอินเตอร์เน็ต บล็อก หรือทวิตเตอร์ ทำให้ผมรับทราบถึงจิตใจคนไทยพอสมควรจากการอ่าน "ความคิดเห็น" ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเปิดเผยจากความเสรีบนโลกไซเบอร์ ผมพบว่า....<br />
<ol><li>คนไทยบางส่วนนั้นเก็บกด อาจะเป็นเพราะวัฒนธรรมของเราที่สอนให้คนเอา "น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก" ทำให้เวลามีที่ระบายอย่างอินเตอร์เน็ตนั้น ข้อความหรือความรู้สึกที่ถูกระบายออกมาค่อนข้างน่ากลัวมาก</li>
<li> คนไทยบางส่วนใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา และไม่มีเหตุผล ความเห็นในเว็บข่าวจำนวนไม่น้อยที่คนส่วนหนึ่งซึ่งได้ "เลือกข้าง" แล้ว มีความเชื่อหัวปักหัวปำ แถมยังไม่ฟังความเห็นของฝ่ายตรงข้าม ในขณะเดียวกันยกหางข้างตัวเองราวกับเป็นเทพมาจุติ</li>
<li>และคนไทยอีกบางส่วนที่<strong>ปรารถนาให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นถึงแก่กรรม</strong> ราวกับคิดว่านั้นจะเป็นหนทางที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตย </li>
<li>คนไทยอีกไม่น้อยที่ไม่เห็นศักดิ์ศรีของฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับตน ใครก็ตามที่ follow ผมบนทวิตเตอร์หรือเฟซบุ้ค จะเห็นผมขึ้นข้อความลักษณะนี้บ่อย เพราะบางทีผมอ่านข้อคิดเห็นเหล่านั้นและทนไม่ได้จริงๆ ทำไมคุณถึงคิดว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นด้อยกว่า? มีความเป็นมนุษย์น้อยกว่า? เพราะหากคนไทยเหล่านี้ยังคิดเช่นนี้ <strong>ประชาธิปไตยจะไม่มีวันเกิดได้ในประเทศไทย</strong> เพราะพื้นฐานของประชาธิปไตยคือความเท่าเทียม ความเท่าเทียมที่จะเสนอข้อคิดเห็น และเรียกร้องในสิทธิของบุคคลๆหนึ่ง </li>
</ol>ผมอยากเน้นที่ข้อ 3 และ 4 มากเพราะเป็นข้อความที่ถ้าหากเพื่อนๆได้เข้าไปอ่านตามเว็บข่าวหรือเว็บบอร์ดการเมือง คงได้เห็นผ่านตามาเป็นแน่ ผมอยากให้คนไทยแสดงออกทางความคิดด้วยเหตุผล ด้วยภาษาที่สุภาพ ด้วยกิริยาที่เหมาะสม ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและ "โลกเสมือน" แห่งนี้ หลายคนในเฟซบุ้คผมเห็นเปลี่ยนรูปหรือเข้าร่วมกลุ่มแสวงหาสันติภาพในประเทศไทย แต่สันติภาพนั้นจะเกิดได้อย่างไรในเมื่อหลายๆคนไปเรียกฝ่ายตรงข้ามกับตนราวกับสัตว์ ไร้การศึกษา หรือเดนมนุษย์ เมื่อคุณเชื่อว่าคนกลุ่มนั้นเป็นไปตามนั้น ก็เท่ากับคุณปิดหูปิดตาตัวเอง ไม่รับรู้รับฟังความเห็นใดๆที่ถูกเสนอมาทั้งสิ้นทั้งปวง ผมถามหน่อยว่ามันถูกแล้วหรือ? การแช่งชักหักกระดูกก็มีให้เห็นมากมายตามเว็บไซต์เหล่านี้เช่นกัน จริงอยู่ว่ามันเป็นเสรีภาพของท่านๆในการที่จะแสดงความคิดเห็นบนอินเตอร์เน็ต แต่ผมก็เชื่อว่าเพราะเป้นอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละทุกคนจริงใส่ได้ไม่มียั้ง ข้อความที่ออกมาจากจิตใจที่ปรารถนาให้อีกฝ่ายนั้นถึงแก่ความตาย สำหรับผมแล้วมันช่างแรงกล้าที่จะพุดออกมาตรงๆ (แม้จะผ่านอินเตอร์เน็ตก็ตาม)<br />
<br />
ผมไม่อยากให้คนไทยต้องกระมิดกระเมี้ยน เก็บความเห็นทางการเมืองไว้ในใจไม่กล้าพูดใส่กัน (เพราะกลัวจะมีเรื่อง) ดังนั้น หากทั้งสองฝ่ายพูดจากันด้วยเหตุผล ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ที่บริสุทธิ์ และให้เกียรติผู้อื่นเสมอตัวเอง ผมว่าวันนั้นเองที่ประชาธิปไตยจะเบ่งบาน<br />
<br />
ผมเขียนจากสิ่งที่ผมได้พบเจอจากการอ่านข่าวจากแหล่งต่างๆเท่านั้น ทุกสิ่งที่ผมเขียนเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นหากใครมีข้อโต้แย้งหรือสนับสนุนที่มีเหตุผล ก็สามารถเพิ่มเติมได้ครับPaihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-9379439146229430682010-02-22T21:17:00.003+07:002010-02-23T11:28:29.592+07:00Ultimate day with ultimate people: Bangkok Soidawgz's The Aftershock Hat 2010<div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjvUrbKhRDd6JyOSeWY5WlF-LT4ZRxuhz7kxRZw6mEhlJSnevc-yzq4YxPunYtxlbn14RkX4fa1SWaKnrTpSlDStE9H3v-FhlNAHzbQ-hMw710Qw5AhHzH0bL5rKK7WvHS1hhcigK3VhZc/s1600/DSCF7585.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjvUrbKhRDd6JyOSeWY5WlF-LT4ZRxuhz7kxRZw6mEhlJSnevc-yzq4YxPunYtxlbn14RkX4fa1SWaKnrTpSlDStE9H3v-FhlNAHzbQ-hMw710Qw5AhHzH0bL5rKK7WvHS1hhcigK3VhZc/s320/DSCF7585.JPG" /></a>เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาผมเพิ่งไปเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาที่คนไทยน้อยคนจะเคยสัมผัสกับเกมส์ "<a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Ultimate_frisbee">Ultimate Frisbee</a>" ซึ่งเป็นกีฬาที่คล้ายๆกับอเมริกันฟุตบอลผสมกับบาสเกตบอล แต่ต่างกันตรงที่ไม่ได้ใช้ลูกบอลแต่ใช้ <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/frisbee">Frisbee</a> หรือจานร่อนแทน กีฬานี้ถือว่าใหม่มากในหมู่คนไทย เพราะฉะนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่ (ราวๆ 80%) จะเป็นชาวต่างชาติครับ ผมเองก็เคยเล่นกับเพื่อนที่มาจากอเมริกามาบ้างเลยได้ตามไปเล่นกับกลุ่มนี้แหละ กีฬานี้เป็นที่นิยมมากๆในอเมริกาครับ ซึ่งเป็นกีฬาที่ใช้ทั้งความเร็ว ไหวพริบ การควบคุม การวางแผน และความอึด เพราะเป็นเกมส์ที่ไวมาก ต้องวิ่งกันเกือบตลอดเวลา </div><div><br />
<a name='more'></a><br />
</div><div>ผมเขียน Entry นี้ขึ้นมาเพื่อจะประชาสัมพันธ์ว่าในประเทศไทยมีกลุ่มคนไทยเล็กๆ และชาวต่างชาติอีกจำนวนหนึ่งพยายามที่จะนำเสนอกีฬานี้สู่เยาวชนไทย ซึ่งอาจจะไม่เคยได้รู้จักเลยด้วยซ้ำว่า Frisbee (หรือจานร่อน) คืออะไร (ยกเว้นจากโฆษณาอาหารสุนัข) ซึ่งพวกเขาเหล่านี้พร้อมที่จะไปสอนวิธีการเล่นให้ฟรีๆ หากคุณสามารถรวมกลุ่มคนและหาสนามได้ครับ </div><div><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgIk34TA5-uTM4D20V9U9LY82ONCov33TeDdYPNG6ygix0WJXMNVfWJVZjO69rP3r6kJWI2XQ8yT851cQiZ7uH8gqN7g_NstuWfQcL4nrDKC4JBuGxTB2BKYbm6fs2HagSXQtvTOTh0n_xJ/s1600/DSCF7581.JPG" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgIk34TA5-uTM4D20V9U9LY82ONCov33TeDdYPNG6ygix0WJXMNVfWJVZjO69rP3r6kJWI2XQ8yT851cQiZ7uH8gqN7g_NstuWfQcL4nrDKC4JBuGxTB2BKYbm6fs2HagSXQtvTOTh0n_xJ/s320/DSCF7581.JPG" /></a></div><div>ซึ่งทัวร์นาเมนท์ที่ผมไปเข้าร่วมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นแบบวันเดียวจบครับ โดยคุณสามารถเข้าร่วมได้โดยที่ไม่ต้องมีประสบการณ์มาก่อนเลยก็ได้ โดยไปถึงก็มีการจับสลากเพื่อแบ่งทีม จากนั้นก็แบ่งสายเล่นตามรูปแบบของทัวร์นาเมนท์จนได้ผู้ชนะเลิศในที่สุด วันเสาร์ที่ผ่านมาแดดแรงมากครับ และฝนก็ตกหนักมากด้วย แต่พวกเราบ่ยั่นกันทุกคน เล่นกันกลางสายฝนเลยทีเดียว (ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะกลัวกล้องเปียก :P) </div><div><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmOte127itB0qJUNkAaILx-nK4nFR8uaaQssZTkWPcWFLZxcDTHKsY_v7rEGPnwQqvS-3O5olLuc0DRnHj8I9Aw_EgOlzoYgl6qqq_m4BKYziNLdySXs4cMdzbjniU85odgR1PvAN9upJ9/s1600/DSCF7594.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmOte127itB0qJUNkAaILx-nK4nFR8uaaQssZTkWPcWFLZxcDTHKsY_v7rEGPnwQqvS-3O5olLuc0DRnHj8I9Aw_EgOlzoYgl6qqq_m4BKYziNLdySXs4cMdzbjniU85odgR1PvAN9upJ9/s320/DSCF7594.JPG" /></a></div><div>สังคมของคนกลุ่มนี้จะค่อนข้างเป็นไปทางฝรั่งจ๋าหน่อยครับ คือเวลาเล่นจะจริงจัง เวลาผ่อนคลายก็ผ่อนคลายจริงจังเหมือนกัน (พวกนี้ดื่มเบียร์ระหว่างพักเบรคครับ) ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องค่อนข้างปกติของเค้า นอกจากนี้ ระหว่างที่เล่นเค้ายังมีการสอนเราไปในตัวด้วยว่าเราควรทำอย่างในกับสถานะการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเกมส์ ซึ่งนอกจากจะได้เรียนรู้เกมส์แล้ว ยังเป็นการฝึกภาษาอังกฤษไปด้วยในตัวครับ คนไทยที่เล่นเกมส์นี้เกือบทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดีมาก มีแค่บางคนที่พูดได้พอกล้อมแกล้ม แต่รับประกันได้เลยว่าพวกนี้ไม่เคอะเขินเวลาต้องพูดกับฝรั่งแน่นอน </div><div><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiO2YqL4oZIt9vIRvJGBGXszs95rEzfAPzbphA7cmNotSyNWfh_NS8NXLxdwz4tJCHtGxgQQ90ia9WTNwbJnu-DoJEe4OLfPhdNfxc4r5qzCHui1rsKSqk6zSIY3jAssspbe835_IAhnv1_/s1600/DSCF7576.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiO2YqL4oZIt9vIRvJGBGXszs95rEzfAPzbphA7cmNotSyNWfh_NS8NXLxdwz4tJCHtGxgQQ90ia9WTNwbJnu-DoJEe4OLfPhdNfxc4r5qzCHui1rsKSqk6zSIY3jAssspbe835_IAhnv1_/s320/DSCF7576.JPG" /></a></div><div>หากใครมีเวลาว่างๆ อยากหาเพื่อนเล่นกีฬาที่มีความแปลกใหม่ พร้อมกับฝึกภาษาอังกฤษและรู้จักเพื่อนใหม่ๆไปในตัว ผมแนะนำ Ultimate Frisbee เลยครับ อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม หรืออยากมาลองหัดเล่นดู สามารถเข้าร่วมได้โดยดูวัน-เวลา และสถานที่ได้ใน <a href="http://www.bangkokultimate.com/">www.bangkokultimate.com</a> หรือ <a href="http://www.facebook.com/group.php?gid=5668262946&ref=ts">Bangkok Ultimate Facebook Group</a> หากเล่นเก่งๆจะเข้าร่วมแข่งทัวร์นาเมนท์ก็ได้นะครับ มีจัดอยู่เรื่อยๆทั้งในและนอกประเทศ (ประเทศเพื่อนบ้านเราเค้าเล่นกันค่อนข้างแพร่หลายแล้วครับ) </div><div><br />
</div>Paihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-35215161155714087882009-03-06T01:11:00.003+07:002010-02-23T11:28:56.163+07:00มองเด็กไทยผ่านเกมส์ผมเป็นอีกหนึ่งคนที่เล่นเกมส์ค่อนข้างบ่อย ซึ่งเกมส์ที่เล่นเป็นส่วนมากคือ WarcraftIII: DotA ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่นักเล่นเกมส์ จากการเล่นเกมส์นี้มาเป็นเวลาพอควร ผมพอจะมองเกมเมอร์ไทยที่มีปัญหาออกหลายๆแบบ:<br />
<a name='more'></a> <br />
1. พวกขี้แพ้ พวกนี้มักจะเล่นไม่ค่อยจบเกมส์ เล่นได้นิดหน่อย โดนฆ่าทีหนึ่งอาจจะออกจากเกมส์ไปเลย หรือ เค้าออกเลยออกตาม (ถอดใจ) พวกนี้มักมีนิสัยอีกอย่างคือชอบขโมย kill แล้วทับถมอีกฝ่ายอย่างเมามันส์<br />
2. พวกอ่อน (Noob) พวกนี้คือพวกที่เล่นไม่ค่อยเป็น ผมจะไม่แบ่งว่าเล่นไม่เป็นกับเล่นไม่เก่งหรือพวกเล่นแบบไม่เป็นทีมเป็นแบบไหน แต่ผมมองรวมๆว่าพวกนี้เล่นเกมส์นี้ไม่เป็น ดูจังหวะไม่ออก พวกนี้จะชอบมากอย่างหนึ่งคือ ชอบท้า “1-1 mai sard” หรือ “ตัว-ตัวมั๊ยสราด” เกมส์นี้เค้าให้เล่นกันทีมละห้าคน พลั้งพลาดไปโดนเค้าฆ่าเองแล้วจะไปโทษว่าเค้ารุมก็ไม่ถูก<br />
3. พวกเกรียน ส่วนมากจะปะปนไปกับพวกที่ 1 และ 2 แต่จะมีนิสัยเฉพาะตัวคือ ชอบด่า ด่าทั้งทีมตัวเองและทีมตรงข้าม โดยคำด่าส่วนมากมักจะด่าว่า “กาก” ด่าไปด่ามาแล้วก็ออกจากเกมส์ไป<br />
จริงๆผมก็รู้ว่าคนในเกมส์มีหลากหลายนิสัย ร้อยพ่อพันแม่ แต่ที่น่าหงุดหงิดใจคือ พวกที่ 1 และ 3 ซึ่งทำให้เกมส์ไม่จบ (เพราะออกจากเกมส์เป็นว่าเล่น) ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าเดี๋ยวนี้เด็กไทยเล่นเกมส์โดยหวังแต่ผล “ชนะ” อย่างเดียวจริงๆเหรอ? ผมเองเป็นพวกชอบเล่นมันจนหยดสุดท้าย (5-1 ก็เล่นออกบ่อย เพราะขี้เกียจออก) แพ้ก็แพ้ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถึงแม้ผมจะมองว่าการที่เราได้เล่นเกมส์ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบจะเป็นการเพิ่มความสามารถในเกมส์นั้นๆแบบก้าวกระโดด (ก็ฝึกกับสถานการณ์ที่ยากกว่านี่นะ) แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า “น้ำใจนักกีฬา” เดี๋ยวนี้ช่างหายากจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวเปลืองเวลาที่เล่นในร้านเน็ตหรือเป็นเพราะรับความพ่ายแพ้ไม่ได้กันแน่ จริงๆผมเองก็มีเพื่อนที่ค่อนข้างเข้าข่ายกลุ่มที่ 1 คือพอคนออกแล้วชอบออกตาม เพราะคิดว่าสู้ไม่ได้ ผมก็ได้แต่คิดในใจ ยังไม่ทันสู้เลยจะรู้ได้ไง แล้วสู้ไม่ได้แล้วมันจะเป็นไรไป (วะ)<br />
<br />
เห็นเด็กไทยสมัยนี้เป็นแบบนี้แล้วอดคิดไม่ได้ว่าเค้าจะโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหนกันPaihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-26799292116807956412009-01-08T23:53:00.003+07:002010-02-23T11:30:26.079+07:00วิเคราะห์ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หลังจากที่ได้ติดตามการดีเบตหลายๆครั้ง 4 ตัวเก็งสำหรับตำแหน่งผู้ว่าราชการกทม. ได้แก่ เบอร์ 2 ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร เบอร์ 8 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล เบอร์ 10 นายยุรนันท์ ภมรมนตรี และ เบอร์ 12 นายแก้วสรร อติโพธิ บอกตามตรงว่า ฟังจากแนวนโยบาย ไม่ค่อยต่างกันมากนัก อาจจะมีในรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับนโยบายเล็กๆ แต่ส่วนมากเหมือนกัน คือ ปรับปรุงการจราจร แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ความปลอดภัยในสังคม การท่องเที่ยว ซึ่งก็เป็นปัญหาที่คนกทม.คุ้นเคยดี ไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อทำการบ้านมาตอบก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อย่างจะวิเคราะห์วิจารณ์คือ "วาทศิลป์" ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า วาทศิลป์จะเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการพลิกผันคะแนนเสียงได้มากทีเดียว <br />
มาเริ่มวิเคราะห์เป็นรายบุคคลเลยละกัน<br />
<a name='more'></a> <br />
<a href="http://lh3.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYvYxJdSOI/AAAAAAAAB94/Pc6AvJNQsSM/s1600-h/image%5B20%5D.png"><img align="left" alt="image" border="0" height="192" src="http://lh5.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYvabhF12I/AAAAAAAAB98/4MuYzYgp7qw/image_thumb%5B12%5D.png?imgmax=800" style="border-bottom: 0px; border-left: 0px; border-right: 0px; border-top: 0px; display: inline; margin-left: 0px; margin-right: 0px;" title="image" width="136" /></a> เบอร์ 2 ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร คุณลุงมาดนุ่ม (ตามแบบประชาธิปัตย์) น้ำเสียงนุ่ม ไพเราะ ใบหน้ายิ้มแย้มดีเวลาพูด แต่เป็นคนคิดช้า สังเกตได้จากการตอบคำถามว่าจะตอบวกวน ไม่ค่อยตรงคำถาม ทีมเลือกตั้งน่าจะซ้อมการตอบคำถามมากกว่านี้ ที่สำคัญ การใช้เวลาทำได้ไม่ดีเอาซะเลย (แต่ดีกว่าอ.แก้วสรร) <br />
<br />
<br />
<br />
<a href="http://lh6.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYvdL1rAvI/AAAAAAAAB-A/ri1MSA9RW7U/s1600-h/image%5B10%5D.png"><img align="right" alt="image" border="0" height="189" src="http://lh5.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYveOrOZFI/AAAAAAAAB-E/qw7wq67s95A/image_thumb%5B6%5D.png?imgmax=800" style="border-bottom: 0px; border-left: 0px; border-right: 0px; border-top: 0px; display: inline; margin-left: 0px; margin-right: 0px;" title="image" width="177" /></a> เบอร์ 8 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หนุ่มนักเรียนนอกไฟแรง ที่เปิดตัวแรงๆ บทบาทที่แรง มาตั้งแต่สมัยเป็นนักข่าวทำให้คนจำนวนไม่น้อยหมั่นไส้ (ผมเป็นหนึ่งในนั้น) แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คุณปลื้มทำได้ดีในเรื่องการทำการบ้านด้านข้อมูล การเลือกใช้น้ำเสียงที่อ่อน ฟังดูแล้วเรียกคะแนนสงสารได้ดี ทำให้มาดกร้าวแกร่งลดไปได้เยอะ ยอมรับอีกครั้งว่าแก้เรื่องบุคลิกภาพมาดีใช้ได้ (เสียอย่างเดียวที่ตอนเดินหาเสียงพี่แกใส่สูท) <br />
<br />
<a href="http://lh4.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYvhK_VTBI/AAAAAAAAB-I/XtiqsWuiWNI/s1600-h/image%5B4%5D.png"><img align="left" alt="image" border="0" height="198" src="http://lh6.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYvjKSDgqI/AAAAAAAAB-M/hjxULAl1pxI/image_thumb%5B2%5D.png?imgmax=800" style="border-bottom: 0px; border-left: 0px; border-right: 0px; border-top: 0px; display: inline; margin-left: 0px; margin-right: 0px;" title="image" width="141" /></a> เบอร์ 10 นายยุรนันท์ ภมรมนตรี พระเอกหน้าหยก โด่งดังจากละครทีวี ได้เปรียบมากๆคือ "หล่อ" กว่าผู้สมัครรายอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด คุณแซมทำการบ้านมาดีมากเรื่องการตอบคำถาม ทั้งไอเดีย ทั้งน้ำเสียง ทั้งการรักษาเวลา ดีมาก (มากๆ) แสดงให้เห็นว่าฝึกตอบคำถามมาดี ตอบได้ตรงคำถามและกระชับ เป็นคนที่ผมให้คะแนนมากที่สุดเรื่องวาทศิลป์ แต่ข้อเสียคือ การใช้คำพูดเหน็บแนมพรรคประชาธิปัตย์ (แบบแย็บๆ) เดี๋ยวเหน็บนั่นเดี๋ยวเหน็บนี่ เลยทำให้ดูเป็นผู้ร้ายนิดหน่อย แต่อย่างว่า มาดหล่อช่วยได้เยอะ <br />
<br />
<a href="http://lh6.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYvl7-cfWI/AAAAAAAAB-Q/o-lWNJYI3L0/s1600-h/image%5B14%5D.png"><img align="right" alt="image" border="0" height="146" src="http://lh4.ggpht.com/_2CE5Ky3MRbw/SWYvn2XOU2I/AAAAAAAAB-U/MCh3jgKkTOU/image_thumb%5B8%5D.png?imgmax=800" style="border-bottom: 0px; border-left: 0px; border-right: 0px; border-top: 0px; display: inline; margin-left: 0px; margin-right: 0px;" title="image" width="242" /></a> เบอร์ 12 นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครอิสระ การมาด้วยความมาดมั่นเพื่อขอเป็นตัวกลางแก้ปัญหากทม. เป็นคนที่ผมให้คะแนนวาทศิลป์น้อยที่สุด (พอๆกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์) เพราะการใช้น้ำเสียงที่ค่อนข้างกระด้าง ทั้งๆที่จริงๆอาจจะเป็นเพราะไม่ต้องการจะเสแสร้งใดๆ แต่น้ำเสียงของอาจารย์แก้วสรรนั้นค่อนข้างใหญ่และกระด้าง พูดค่อนข้างห้วน ที่สำคัญคือความที่เป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมา การตอบคำถามของเขาเลยไม่ได้สื่อประเด็นให้ครอบคลุม แต่มักจะนำเสนอจุดเล็กๆ แล้วบอกว่า "ขอแค่นี้ก่อน" ประมาณว่าทำแค่นี้ได้ก็ดีแล้ว นอกจากนี้ยังทำได้แย่เรื่องการรักษาเวลาและการตอบให้ตรงคำถามด้วย <br />
จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีสิทธิเลือกตั้งหรอกนะเนี่ย สิ่งที่อยากเห็นมากๆคือคนไทยเลือกตั้งที่ “นโยบาย” อย่างแท้จริง ตัดอคติทั้งปวง ตัดความชอบ-เกลียดในพรรคการเมืองได้จะดีมากPaihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-8518524969667378342009-01-05T16:17:00.001+07:002009-01-05T16:20:40.921+07:00อคติกับสังคมไทย<p>ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้เชียวชาญด้านมนุษยวิทยา ข้อความที่เขียนจึงเป็นเพียงข้อคิดเห็นล้วนๆ </p> <p>ปัจจุบันคนไทยติดตามข่าวสารบ้านเมืองกันมากขึ้นมาก รวมถึงยังมีความรู้สึกเป็นส่วนร่วมกับเหตุการณ์ข่าวสารต่างๆมากกว่าแต่ก่อน  คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้อย่างง่ายดายและยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างตามใจชอบบนอินเตอร์เน็ท ผมเองก็ติดตามอ่านข่าวสารจำนวนมากในแต่ละวัน โดยส่วนมากเว็บที่เข้าไปอ่านข่าวก็คือผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th) ซึ่งเป็นเว็บของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ผมเลือกอ่านเว็บนี้เพราะมีการอัพเดทข่าวสารอย่างรวดเร็ว และยังครอบคลุมข่าวในหลายๆแขนง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้จากเว็บข่าวนี้คือ ความมีอคติ (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโดนพันธมิตรล้างสมองรึเปล่านะ) ข้อแสดงความคิดเห็นหลายข้อบ่งบอกถึงความมีอคติ อิจฉา ริษยา รังเกียจ เรียกได้ว่าเป็นด้านมืดของมนุษย์แบบสุดๆเลย การแสดงข้อโต้แย้งแบบมีเหตุมีผล มักจะถูกตอบโต้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ยิ่งไปกว่านั้น ข้อคิดเห็นที่โต้แย้งกับทางเว็บ (หรือพันธมิตรฯ) จะไม่ได้รับความเห็นชอบให้ขึ้นเว็บด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ เรื่องแบบนี้จริงๆแล้วถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะคนจำนวนมากเข้ามาอ่านข่าว อ่านความคิดเห็น แต่ได้เห็นเพียงด้านเดียวของเนื้อหา หรือด้านเดียวของความคิด ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับระบอบสังคมนิยมหรือเผด็จการเลย การแสดงออกทางความคิดที่ถูกปิดกั้นแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าาเราถูกริดรอนสิทธิหรือเปล่า </p> <p>ผมยกตัวอย่างเว็บนี้เพราะเป็นเว็บที่ผมอ่านเป็นประจำ แต่ความตั้งใจของผมหมายรวมถึงเว็บอื่นๆที่มีการปฏิบัติในรูปแบบเดียวกันทั้งหมดด้วย </p> Paihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-83091823225142670772008-11-27T09:16:00.004+07:002010-02-23T11:28:01.111+07:00เมื่อประเทศไทยตกเป็นตัวประกันของโจรเสื้อเหลือง-เสื้อแดง<blockquote align="left"><br />
เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ประเทศไทยของเรา เกิดปัญหาขึ้นโดนเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเนื่องมาจากเกมส์ครองใจมวลชนระหว่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พปช.) และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเกมส์ๆนี้เกิดขึ้นมาเป็นเวลาไม่น้อยสืบเนื่องจากการแบ่งแยกระหว่างคนไทยสองกลุ่มที่เอา-ไม่เอาทักษิณ ชิณว้ตร อดีตนายกรัฐมนตรี<br />
<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<br />
ในฐานะคนกลาง (จริงๆ) ผมขอยอมรับอย่างหนึ่งว่าเคยชื่นชมในอดีตนายกฯทักษิณ เนื่องจากเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่เคยมีมาในอดีต ถึงจะทำได้ไม่หมด แต่ก็นับว่ามีผลงานไม่น้อย แต่มาในเวลานี้ ทักษิณ ชิณวัตร กลับไร้แผ่นดินอยู่ แม้มีเงินมากมายก็ไม่สามารถกลับบ้านเกิดเมืองนอนได้ ผมจะไม่ลงรายละเอียดว่าทักษิณโกง-ไม่โกงอย่างไร เพราะเรื่องนี้ถือว่าต่างฝ่ายต่างพูด ส่วนตัวผมเชื่อในการตัดสินของศาล แต่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งไม่ขอพูดถึง<br />
<br />
<br />
วันนี้ (26 พ.ย. 2551) ผมรู้สึกทึ่งกับความสามารถของแกนนำพปช.มาก ผมไม่เข้าใจว่าคนแค่ไม่กี่คน สามารถ “ล้างสมอง” คนจำนวนเรือนแสนได้อย่างไร ที่สำคัญ พวกเขายังสามารถทำให้ปชระชาชนเหล่านั้น ลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เห็นผิดเป็นชอบได้ทั้งหมดอย่างไร ที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่เพราะผมเข้าข้างรัฐบาลหรือนปช. แต่ผมคิดตามหลักเหตุผลเอาว่า การยึดสนามบิน ตัดน้ำ-ไฟฟ้าของสถานที่ราชการ บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ไม่ใช่การกระทำของคนที่เป็น “อารยะ” อย่างที่พปช.พยายามพูดเข้าข้างตัวเอง สิ่งที่พวกเขาทำคือการเอามีดจี้คอประเทศไทยและประชาชนคนไทยเพื่อขอความชอบธรรม ที่สำคัญคือ เมื่อตำรวจจะเข้าไปปราบปรามผู้ชุมนุม กลับด่าตำรวจเลวสารพัด ทั้งๆที่ตัวเองทำผิดกฎหมายอยู่แท้ๆ จริงอยู่ว่ามีเรื่องของระเบิดและการตายบ้าง ซึ่งถ้าตำรวจเป็นคนทำจริงๆก็ผิดจริง แต่พปช.เองก็มีการใช้กำลังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องคิดบ้างว่าต่างฝ่ายต่างก็ใช้กำลัง จะเอาอะไรอีก<br />
<br />
<br />
ที่สำคัญคือ สิ่งที่พปช.พยายามนำเสนอ “การเมืองใหม่” นั้น ผมมองว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงๆ ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่พปช.ปฏิเสธนั้น แท้จริงไม่ได้เลวร้าย หากแต่คนที่อยู่ในระบบนั้นต่างหากที่แย่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ที่พปช.ควรทำ ไม่ใช่ทำลายระบอบการเมืองไทย แต่เป็นการให้ความรู้การประชาชนเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นผลเสียเกี่ยวกับการซื้อเสียง การตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล <br />
<br />
<br />
ผมอาจจะเขียนว่าพปช.เยอะ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เห็นด้วยกับฝ่ายใด เพราะฝ่ายนปช.เองก็มีทั้งการใช้กำลัง รวมถึงท่าทีแข็งกร้าวที่แสดงต่ออีกฝ่าย ซึ่งล้วนแต่แย่พอกัน ประชาธิปไตยนั้นยืนอยู่บนพื้นฐานของความแตกต่าง แต่ต้องไม่นำมาซึ่งความแตกแยก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้สนธิขึ้นเป็นนายก ก็จะมีคนมาทำแบบเดียวกับที่คุณเคยทำอยู่ดี เพราะทั้งสองฝ่ายไม่พยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และไม่ได้มองผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หากแต่มองแค่คำว่า “ชัยชนะ” เท่านั้นไม่ว่าใครจะชนะ ประเทศไทยก็กำลังแพ้และกำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เพื่อนบ้านเราล้วนแต่หาโอกาสที่จะจ้องทำลายประเทศเรา (อย่างน้อยๆก็กัมพูชา) นี่ยังไม่นับกับการที่เรากำลังสูญเสียความน่าเชื่อถือในเวทีโลกทั้งการฑูตและการค้า </blockquote><br />
จุดจบของเรื่องนี้<b>ทั้งสองฝ่าย</b>ต้องรับผิดชอบPaihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3786430784276624620.post-10023731809465442322008-10-29T11:57:00.003+07:002010-02-23T11:30:44.318+07:00ผมเป็นนักเขียนครับ(คัดลอกมาจาก Hi5 ของผมเองที่ <a href="http://beingcoolz.hi5.com/" title="http://beingcoolz.hi5.com">http://beingcoolz.hi5.com</a>)<br />
เคยไหม.... <br />
ที่เราแสดงความเห็นอะไรลงในเว็บบอร์ดอะไรซักอย่าง แล้วมันดึมากๆจนมีคนเอาไปอ้างอิง <br />
เมื่อ 6 ปีก่อน (หรือ 7 หว่า?) ซึ่งเป็นช่วงที่ผมสอบเอนทรานซ์เสร็จพอดี รอผลการเลือกคณะ <br />
ผมเป็นสมาชิกของเว็บ eduzones.com ซึ่งเป็นเว็บแนะแนวการศึกษาชั้นแนวหน้าเว็บหนึ่งของเมืองไทย <br />
ผม...ซึ่งเคยอยากเรียนหมอ แต่ต้องเปลี่ยนใจเพราะทนกลิ่นในกลอสไม่ไหวจริงๆ (น่าจะแพ้ฟอร์มาลีนอ่ะนะ) เกิดความไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงมีค่านิยมเกี่ยวกับการเรียนหมอมากๆ พ่อแม่พยายามให้ลูกตนเรียนหมอ ตัวเด็กเองก็อยากเรียนหมอมากมาย เพื่อนผมหลายคนก็อยากเรียนหมอ เคยถามพวกเค้า "ทำไมถึงอยากเรียนหมอ" ก็ตอบกันไม่ได้ เหมือนไม่ได้มี willpower ขนาดนั้นที่จะเป็นหมอ <br />
ผมจึงแต่งกลอนขึ้นมาบทหนึ่ง ลงใน eduzones.com ว่า<br />
<a name='more'></a> <br />
"อย่าเป็นหมอเพราะเห็นเป็นอาชีพสูง <br />
อย่าเป็นหมอเพราะคนจูงให้เข้าหา <br />
อย่าเป็นหมอเพราะชื่อเสียงและเงินตรา <br />
อย่าเป็นหมอเพราะบุพการีให้เป็น <br />
จงเป็นหมอเพราะจิตวิญญาณมี <br />
จงเป็นหมอที่ดีไปทุกหน <br />
จงเป็นหมอที่พร้อมช่วยเหลือคน <br />
จงเป็นหมอที่พลีตนเพื่อประชา <br />
อย่าเป็นหมอเพราะมีคนกราบไหว้ <br />
อย่าเป็นหมอให้เขารู้ว่า ku เจ๋ง <br />
อย่าเป็นหมอเพราะไม่มีอะไรเป็น <br />
อย่าเป็นหมอเพราะดูเด่นกว่าใครๆ <br />
จงเป็นหมอเพราะเป็นด้วยใจรัก <br />
จงเป็นหมอเพราะอยากช่วยคนทุกข์เข็ญ <br />
จงเป็นหมอที่สมหมอควรจะเป็น <br />
จงเป็นหมอที่ดีเด่นจนวันตาย" <br />
ซึ่งส่วนตัวก็ภูมิใจกับกลอนบทนี้ของตัวเองมาก เพราะอธิบายสิ่งที่อยากจะพูดให้กับน้องๆเพื่อนๆที่อยากเรียนหมอหรือคิดอยากเรียนหมอออกมาได้หมด <br />
มาวันนี้...นั่งอ่านข่าวอยู่ในเว็บผู้จัดการออนไลน์ เจอข่าวเกี่ยวกับค่ายเปิดรั้วโรงเรียนแพทย์ของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย (สพท.) ซึ่งมีการจัดบรรยายเรื่อง "ฉันอยากเป็นหมอจริงหรือไม่" ก็ทำให้ตัวเองนึกถึงกลอนบทนี้ขึ้นมา ก็เลยอยากจะโพสต์ความคิดเห็นลงไป แต่จำไม่ได้หรอก จำได้แค่คร่าวๆ ก็เลย google ดูซะ ผมพบว่ามีหลายเว็บบอร์ด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเว็บบอร์ดของนักศึกษาแพทย์ โพสต์กลอนของผมเอาไว้ ผมรู้สึกมีความสุขมากเลย ใครจะไปคิดว่า ความพยายามในการที่จะสื่อความรู้สึกของตัวเองออกไปมันจะกระจายได้กว้างขนาดนี้ มันช่างเป็นความสุขเล็กๆที่ความคิดและคำพูดของเรา มีคนรับฟัง เห็นด้วย และนำไปบอกต่อๆกัน เนื่องจากว่ามันเป็นประโยชน์ <br />
อ่านๆดูเหมือนไร้สาระเนอะ เหมือนมานั่งเคลมว่า กูแต่งกลอนนี้นะเว้ยเฮ้ย ไม่ได้คิดขนาดนั้นหรอก แค่มีความสุขที่นักศึกษาแพทย์หลายๆคนรับรู้ถึงความประสงค์ของประชาชนตาดำๆ ซึ่งเป็นคนที่พวกเค้าต้องมารับผิดชอบชีวิตในอนาคตก็แค่นั้น <br />
การได้เป็น published writer นี่ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ถึงจะเป็นบนเน็ตก็เถอะ <br />
ขอบคุณ web2.0 ที่ทำให้ผมมีความสุขในวันนี้Paihttp://www.blogger.com/profile/11597053782518730751noreply@blogger.com0